ป๋อซานเซียงหลู กรุ่นกลิ่นอมตะจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์ฮั่น



ระหว่างที่เลือกดูกระถางเผาเครื่องหอมก็ไปเจอกระถางเผาเครื่องหอมทรงแปลกๆ ลักษณะอย่างที่เห็นในรูปข้างบน

กระถางเผาเครื่องหอมทรงนี้เรียกว่า ป๋อซานเซียงหลู 博山香爐 เป็นของเก่าแก่โบร่ำโบราณมาตั้งแต่สมัยฮั่นนู๊นนนน (สมัยฮั่นนี่ช่วง 206 ปี ก่อนมีศาสนาคริสต์ - 220 ปีหลังจากพระเยซูตาย)

"ป๋อ" น่าจะเป็นชื่อเฉพาะ 
"ซาน" ก็คือภูเขา 
"เซียง" คือ กลิ่นหอม
"หลู" คือเตา (ซึ่งในที่นี้จะเรียกว่ากระถาง เพราะจะเรียกเตาเผาเครื่องหอมก็กระไรอยู่)

รวมความแล้วก็หมายความว่ากระถางเผาเครื่องหอมรูปภูเขาศักดิ์สิทธิ์อะไรประมาณนั้น
 
เรื่องราวเกี่ยวกับป๋อซานนี่อ่านจากข้อมูลภาษาอังกฤษก็เข้าใจได้อย่างกระท่อนกระแท่นว่าเป็นภูเขาที่อยู่ระหว่างโลกกับสวรรค์ จึงทำเป็นรูปภูเขาอยู่บนขาตั้ง ตามตำนานเชื่อกันว่า ป๋อซาน เป็นที่สถิตของเซียนผู้เป็นอมตะเพราะฉะนั้นจึงอนุมานได้ว่าควันที่เกิดจากการเผาเครื่องหอมลอยออกมาจากซอกหลืบของฝาครอบกระถางรูปภูเขาจึงเปรียบได้กับโอสถทิพย์ที่จะทำให้ผู้สูดดมมีชีวิตอมตะอะไรทำนองนั้น
กระถางเผาเครื่องหอมป๋อซานนี่คงเป็นที่นิยมกันมากด้วยความหมายดีเชื่อมโยงกับสิ่งศักดิ์สิทธ์ิลี้ลับ ในหนังจีนโบราณหลายเรื่องจะมีกระถางเผาเครื่องหอมทรงนี้ประกอบอยู่เสมอๆ

ไปเจอบทความ Boshanlu Mountain Censers of the Western Han Period: A Typological and
 Iconological Analysis ของคุณ Susan N. Erickson ได้ความเพิ่มเติมว่ากระถางเผาเครื่องหอมป๋อซานอันนี้เป็นรุ่นแรกๆ เลย ขุดพบที่หลุมศพของเจ้าชาย Liu Sheng ที่มณฑลเหอเป่ย หลุมศพนี้มีอายุ 113 ปีก่อนคริสต์กาล




สีทองที่เห็นนั่นคือทองคำนะครับน่าจะใช้เทคนิคคล้ายๆ คร่ำทอง คือฝังทองคำลงไปบนเนื้อโลหะ ตัวกระถางทำจากสัมฤทธิ์ ความซับซ้อนของภูเขาแสดงว่าเป็นกระถางป๋อซานรุ่นแรกๆ  เพราะของรุ่นหลังจะลดความซับซ้อนของรายละเอียดภูเขาลง บางแบบเรียบที่สุดใช้วิธีฉลุลวดลายแบบสองมิติเลย

ทีนี้จะมาวิเคราะห์ที่มาและความหมายของสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฎบนกระถางเริ่มจากคนเขียนบทความคือคุณซูซาน แกเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน มีความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ศิลปะจีน ดูจากผลงานแล้วดูแกจะเชี่ยวชาญยุคจิ๋น ยุคฮั่น บทความเรื่อง Boshanlu - Mountain Censers of the Western Han Period: A Typological and Iconological Analysis นี้ก็เป็นผลจากการวิเคราะห์กระถางเผาเครื่องหอมป๋อซานที่ขุดได้จากหลุมศพของชนชั้นสูงในสมัยฮั่นทั่วประเทศจีน ดูจากตารางแหล่งขุดค้นที่แกแนบมาท้ายบทความมีถึง 93 แห่ง

เนื่องจากในสุสานที่พบกระถางป๋อซานนี่มันไม่มีจารึกบอกดีไซน์คอนเซ็ป คุณซูซานแกก็เลยต้องไปดูเอกสารบันทึกร่วมสมัยหรือเอกสารยุคหลังว่ามีพูดถึงกระถางป๋อซานนี้ไว้ว่าอย่างไรบ้าง อีกทั้งคติความเชื่อต่างๆ ในยุคฮั่นที่น่าจะเกี่ยวข้องกับกระถางป๋อซาน

ก่อนที่จะไปพูดถึงเอกสารร่วมสมัยคุณซูซานแกก็วิเคราะห์สถานที่พบก่อน อย่างที่บอกไปแล้วว่ากระถางป๋อซานนี้พบมากในสุสานชนชั้นสูงสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกโดยเฉพาะในสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้

สุสานในสมัยนี้ก็ต่างจากสุสานในยุคก่อนหน้านี้ที่มีลักษณะแพ็คของที่จะใส่ในหลุมศพอัดๆ รวมกันไป แต่ตั้งแต่สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้เริ่มมีคติใหม่คือการจำลองอาคารบ้านเรือนและมีข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของผู้ตายไว้ในหลุมศพด้วย อย่างที่ฝังศพจิ๋นซีฮ่องเต้ก็มีการจำลองพระราชวัง จำลองอาณาจักรจีนที่รวมได้ในสมัยพระองค์ไว้ในสุสานเลยทีเดียว ข้าวของที่เอาใส่ไว้นี้ก็เพื่อที่ผู้ตายจะได้เอาไปใช้หลังความตายและของอย่างหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ในหลุมศพชนชั้นสูงในสมัยฮั่นตะวันตกก็คือกระถางเผาเครื่องหอมป๋อซานนี้เอง

เอกสารในสมัยหลังบอกว่ากระถางป๋อซานนี่เป็นของขวัญที่จะมอบให้กับผู้ที่จะแต่งงาน เอกสารอีกชิ้นปลายสมัยฮั่นตะวันตกก็บอกว่าเมื่อเจ้าชายรัชทายาทจะแต่งงานจักรพรรดิจะพระราชทานกระถางป๋อซานให้คู่นึง นอกจากเป็นของขวัญงานแต่งแล้วกระถางป๋อซานยังเป็นของขวัญที่มีค่า ดังปรากฎหลักฐานว่าฮองเฮา Chengdi (32-7 B.C.) ก็ได้รับกระถางป๋อซานจากพระอนุชาเป็นของขวัญ 



กระถางป๋อซานบนขาตั้งอันนี้ขุดพบใกล้ๆ สุสานจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตกบนตัวกระถางมีจารึกว่าทำขึ้นเพื่อใช้ในพระราชวังเว่ยหยาง (Weiyang gong) และก็มีของชิ้นอื่นที่ขุดพบพร้อมกับกระถางเผาใบนี้มีจารึกว่าของเหล่านี้ได้พระราชทานให้กับพี่สาวคนโตของจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ ในจารึกบอกทั้งวันที่ผลิตและวันที่พระราชทาน รวมทั้งชื่อของผู้ผลิตด้วย



จะเห็นได้ว่ากระถางป๋อซานนั้นเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นของมีค่าที่จะมอบให้เป็นของขวัญแก่บุคคลสำคัญ และเป็นของสะสมที่มีค่า มีบันทึกว่าในคริสต์ศตวรรษที่ 11 Liu Yuanfu สะสมกระถางป๋อซานในสมัยจิ๋นและสมัยฮั่น

จากหลักฐานเอกสารร่วมสมัยและเอกสารสมัยหลัง กระถางเผาเครื่องหอมป๋อซานนี้มีความสำคัญมาก ของสำคัญขนาดนี้น่าจะมีความหมายที่ดี สัญลักษณ์ต่างๆ ที่พบบนกระถางป๋อซานก็มีลักษณะเฉพาะน่าจะสื่อถึงความหมายบางอย่างที่สำคัญ
 
ทีนี้ก็มาดูความหมายของสัญลักษณ์ต่างๆ กันครับ คุณซูซานแกวิเคราะห์รูปแบบของกระถางป๋อซานเปรียบเทียบกันก็เห็นว่ามันมีลักษณะเด่นดังต่อไปนี้

1. ฝาครอบทำเป็นรูปภูเขา อันที่วิจิตรหน่อยก็จะมีรูปคน สิงสาราสัตว์ประกอบด้วย ตัวอย่างคือกระถางป๋อซานสัมฤทธิ์คร่ำทองที่ขุดได้จากสุสาน Liu Sheng ที่เอามาให้ดูครับ

2. ตัวกระถางมักจะทำเป็นลวดลายคลื่นหรือลายเมฆ



3. กระถางจะมีขาตั้งโดยทั่วไปจะยาวเท่ากับส่วนสูงของกระถาง จะมีที่ยาวหน่อยก็กระถางป๋อซานที่มีจารึกว่าทำไว้สำหรับพระราชวังเว่ยหยาง

4. ฐานมักจะมีลักษณะกลมเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับตัวกระถางหรือใหญ่กว่านิดหน่อย บางแบบทำเป็นจานเลยก็มี




5. บริเวณตัวกระถางและฐานมักจะทำเป็นรูปสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับสวรรค์และตำนานเกี่ยวกับความเป็นอมตะ มีทั้งแบบนูนต่ำและลอยตัวแล้วแต่การออกแบบสัตว์เหล่านี้เช่น มังกร นก  ฯลฯ




คติความเชื่อที่อยู่เบื้องหลังความนิยมกระถางเผาเครื่องหอมป๋อซานนั้นวคุณซูซานบอกว่าน่าจะเป็นความเชื่อเรื่องการเป็นอมตะและยาอายุวัฒนะที่อยู่บนเขาเผิงไหล กลางทะเลป๋อไห่ ซึ่งความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ลักษณะของภูเขาเผิงไหลที่ว่าไว้คือเป็นเหมือนเมฆสีขาว

สรุปแล้วกระถางป๋อซานนี้ก็คือการจำลองเขาเผิงไหลที่อยู่กลางทะเลป๋อไห่นั่นเอง จานหรือฐานที่รองกระถางอยู่ก็เป็นสัญลักษณ์แทนทะเล ลายเมฆหรือลายคลื่นที่ตัวกระถางก็แทนทะเลหรือลักษณะของเขาเผิงไหลตามตำนาน เอวังด้วยประการฉะนี้

ประกอบกับการที่กระถางในลักษณะนี้พัฒนามาถึงจุดสูงสุดในสมัยฮั่นตะวันตก น่าจะมีเหตุการณ์สำคัญอะไรบางอย่างที่ส่งผลให้กระถางป๋อซานเป็นที่นิยมมากในช่วงเวลานี้ คุณซูซานแกวิเคราะห์ว่าการที่กระถางเผาเครื่องหอมรูปทรงภูเขานี้ได้รับความนิยมก็เพราะว่าความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับของภูเขา โดยเฉพาะในสมัยฮั่นอู่ตี้ได้มีการทำพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ภูเขาไท้ซานซึ่งพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ได้ทำกันบ่อยๆ และจักรพรรดิที่จะทำพิธีนี้ได้จะต้องมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ก่อนหน้านี้ก็มีจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ได้ทำพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ภูเขาไท้ซาน พิธีการต่างๆ ถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด แม้แต่ในสมัยที่ฮั่นอู่ตี้จะทำพิธีนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำอย่างไร นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพิธีนี้มีความยิ่งใหญ่และสำคัญมากแค่ไหน และก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกระถางเผาเครื่องหอมป๋อซาน ว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญในสมัยจักรพรรดิ์ฮั่นหวูตี้ครับ








ความคิดเห็น